RESIST Advanced Barrier Repair Moisturizer อุดมไปด้วยส่วนผสมที่ช่วยเติมความชุ่มชื้นโดยเฉพาะ ช่วยเติมน้ำให้ผิวอย่างเต็มที่เพื่อความชุ่มชื้นเต็มขั้น ส่วนผสมที่ทรงพลังของ ceramides 5 ชนิด ที่เหมือนกับในผิวตามธรรมชาติ และ cholesterol ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้เกราะป้องกันผิว ป้องกันการสูญเสียน้ำ พร้อมมอบความชุ่มชื้นให้ผิวอย่างยาวนาน ส่วนผสม Palmitoyl tripeptide-5 ช่วยให้ผิวคงความกระชับ และ ยืดหยุ่น ให้คุณสัมผัสผิวที่อ่อนเยาว์ได้จริง และ watermelon seed oil ที่ช่วยบำรุงผิว ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น พร้อมช่วยปลอบประโลมผิว
บรรจุภัณฑ์ของผลิตภัณฑ์ขนาดจริงทำจากพลาสติกรีไซเคิล 36.51% (คิดจากน้ำหนักของบรรจุภัณฑ์)
มอยส์เจอไรเซอร์เนื้อเนียนนุ่ม เบาสบายผิว ช่วยเติมการสร้าง ceramides ที่มีอยู่ในผิว เพื่อช่วยให้ผิวคงความชุ่มชื้นได้เองตามธรรมชาติ และเสริมให้เกราะป้องกันผิวทำงานเต็มประสิทธิภาพตลอดเวลา ช่วยรักษาปริมาณ collagen ตามธรรมชาติ เพื่อให้ผิวแลดูอ่อนเยาว์ และยังได้รับการพิสูจน์ทางคลิกนิกแล้วว่าช่วยให้ริ้วรอยแลดูจางลงเมื่อใช้อย่างต่อเนื่อง
ใช้ 1-2 ครั้ง/วัน ทาเนื้อครีมในปริมาณเล็กน้อยทั่วใบหน้าและลำคอ สำหรับกลางวัน ควรตามด้วยครีมกันแดดแบบ broad-spectrum ที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไป
ให้ผิวแข็งแรงขึ้นตั้งแต่วันนี้
ล็อกความชุ่มชื้น ป้องกันผิวเสียหายด้วย Tripeptide-5 และ Ceramides

ส่วนผสมที่ทำให้แบรนด์แตกต่าง
พิสูจน์แล้วว่าให้ผลลัพธ์ ยาวนานตลอดวัน
100% ของผู้ใช้ยืนยันว่าเกราะป้องกันผิวแข็งแรงขึ้นใน 30 นาที*
*อ้างอิงจากการศึกษาทางคลินิกที่มีผู้เข้าร่วม 30 คน


แนะนำสำหรับคุณ

Pharmaceuticals, August 2021, pages 1–22
Journal of Drugs in Dermatology, April 2021, pages S3–S9
Frontiers in Chemistry, October 2020, pages 1–8
OCL Lipids and Cosmetics, October 2020, pages 1–9
Italian Journal of Dermatology and Venereology, June 2018, pages 396–402
Journal of Food Science and Technology, April 2018, pages 1,552–1,561
Pharmaceutical Research, February 2018, pages 1–13
Journal of Clinical and Aesthetic Dermatology, March 2009, issue 3, pages 38-43
Key Ingredients
Squalane, Butyrospermum Parkii Butter, Palmitoyl Tripeptide-5, Citrullus Lanatus (Watermelon) Seed Oil
All Ingredients
Water, Dicaprylyl Carbonate, Ethylhexyl Stearate, Glycerin, Cocoglycerides, Squalane, Sodium Polyacrylate, Butyrospermum Parkii Butter, Ceramide NP, Ceramide AP, Ceramide AS, Ceramide NS, Ceramide EOP, Sodium Hyaluronate, Adenosine, Palmitoyl Tripeptide-5, Citrullus Lanatus (Watermelon) Seed Oil , Glyceryl Stearate, Caprylyl Glycol, Hydroxyacetophenone, Sodium Stearoyl Glutamate, Hexylene Glycol, Tocopherol, 2,3-Butanediol, Xanthan Gum, Ethylhexylglycerin, Sodium Phytate, Sodium PCA, Urea, Hydrogenated Lecithin, Trehalose, Polyquaternium-51, Triacetin, Cholesterol, Phenoxyethanol
ความแตกต่างระหว่างผลิตภัณฑ์ RESIST Barrier Repair Moisturizer with Retinol และ ผลิตภัณฑ์ RESIST Barrier Repair Advanced Moisturizer สูตรใหม่?
แม้ทั้งสองจะมีลักษณะเนื้อมอยส์เจอไรเซอร์ที่คล้ายคลึงกัน แต่ผลิตภัณฑ์สูตรใหม่ไม่ได้มีส่วนผสมของ retinol สูตรใหม่ของเราคิดค้นมาเพื่อให้ใช้ได้กับทุกสภาพผิว และ มีการเติมส่วนประกอบที่ช่วยเสริมความแข็งแรงของเกราะป้องกันผิวเพิ่มมากขึ้น เช่น บรรเทาผิวแห้ง ความไวต่อผิว ผิวแดง อาการคัน และ ผิวหมองคล้ำ และสูตรใหม่นี้ยังเติม watermelon seed oil ที่ปราศจากน้ำหอม ที่มี linoleic acid ซึ่งเป็นส่วนประกอบของ ceramides ในผิว และยังมี tripeptide-5 ในปริมาณสูงสุกเพื่อจัดการกับริ้วรอยและผิวหย่อนคล้อยได้หลายระดับ
ผลิตภัณฑ์ RESIST Barrier Repair Advanced Moisturizer ต่างจาก Omega+ Complex Moisturizer?
ผลิตภัณฑ์ Omega+ Complex Moisturizer ประกอบไปด้วย omegas 3,6 และ 9, shea butter, amino acids และ ceramides เหมาะสำหรับดูแลปัญหาผิวแห้งและผิวขาดน้ำ ผลิตภัณฑ์ RESIST Barrier Repair Advanced Moisturizer ประกอบไปด้วย ceramides, cholesterol, tripeptide-5 และ watermelon seed oil เพื่อช่วยฟื้นบำรุง และ เสริมเกราะป้องกันผิวให้สุขภาพดี เสริมคอลลาเจนในผิว พร้อมกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ ป้องกันผิวสูญเสียน้ำ และ ช่วยมอบความชุ่มชื้นให้ผิวอย่างยาวนาน
เราจะแนะนำผลิตภัณฑ์ RESIST Barrier Repair Advanced Moisturizer หรือ Omega+ Complex Moisturizer เพราะเหตุใด?
เราแนะนำผลิตภัณฑ์ RESIST Barrier Repair Advanced Moisturizer หากคุณมีความกังวลเกี่ยวกับผิวแห้ง และ สัญญาณแห่งวัย โดยเฉพาะผิวหย่อนคล้อย หากผิวแก่ก่อนวัยไม่ใช่ปัญหาของคุณ แต่เป็น ผิวแห้ง/ผิวขาดน้ำ เราแนะนำผลิตภัณฑ์ Omega+ Complex Moisturizer แม้บางคนอาจจะชื่นชอบทั้ง 2 ผลิตภัณฑ์ ตัวอย่างเช่น ใช้ Barrier Repair ในช่วงเดือนที่อากาศอบอุ่นถึงช่วงเย็น และ ใช้ Omega Moisturizer ในช่วงหน้าหนาว/หรือเดือนที่มีความชื้นน้อยที่สุด
ผลิตภัณฑ์ RESIST Barrier Repair Advanced Moisturizer ต่างจากมอยส์เจอไรเซอร์อื่น ๆ ของ Paula’s Choice อย่างไร?
ผลิตภัณฑ์ RESIST Barrier Repair Advanced Moisturizer คือมอยส์เจอไรเซอร์ตัวแรกในคอลเลคชัน RESIST ที่ทำมาเพื่อดูแลทุกสภาพผิว โดยผสานส่วนผสมที่ทรงพลังของ ceramides 5 ชนิดที่เหมือนกับส่วนผสมที่อยู่ในผิว, lecithin และ cholesterol ช่วยฟื้นบำรุงเกราะป้องกันผิว ป้องกันการสูญเสียน้ำในผิว และ ช่วยมอบความชุ่มชื้นให้อย่างยาวนาน Palmitoyl tripeptide-5 ช่วยให้ผิวดูยกกระชับ และ ยืดหยุ่น เพื่อผิวที่แข็งแรงและอ่อนเยาว์ขึ้น พร้อม watermelon seed oil ที่ช่วยบำรุงผิว อุดมไปด้วย fatty acids ที่ช่วยเสริมสร้าง ceramides นอกจากนี้ยังมีส่วนผสมที่ช่วยเติมมอยส์เจอไรเซอร์ขั้นสูงที่ช่วยกักเก็บน้ำในบริเวณที่ผิวต้องการ สบายผิว และยังให้ผิวชุ่มชื้นตลอดวัน
ฉันเคยใช้ผลิตภัณฑ์ RESIST Barrier Repair Moisturizer with Retinol – เนื่องจากได้หยุดจำหน่ายไปแล้ว ฉันควรใช้มอยส์เจอไรเซอร์สูตรใด?
ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ RESIST Intensive Repair Cream มีส่วนผสมของ retinol เข้มข้น 0.01% เป็นตัวเลือกที่ดีของผู้ที่มีผิวแห้ง ผลิตภัณฑ์ CLINICAL Ceramide-Enriched Firming Moisturizer ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดีเช่นกัน เนื่องจากมี retinol เข้มข้น 0.1% และ vitamin C ช่วยให้ผิวยกกระชับ เนียนเรียบ และ กระจ่างใสขึ้น ผลิตภัณฑ์ RESIST Barrier Repair Advanced Moisturizer ก็เป็นตัวเลือกที่ดีเช่นกัน หากคุณต้องการมอยส์เจอไรเซอร์ที่ช่วยชะลอวัย แม้ว่าจะไม่มีส่วนผสมของ retinol แต่มีส่วนผสมที่ช่วยเสริมสร้างเกราะป้องกันผิวให้แข็งแรงอย่าง tripeptide-5 ซึ่งยังช่วยจัดการกับริ้วรอยตื้น และ ผิวหย่อนคล้อยอีกด้วย
ผลิตภัณฑ์ RESIST Barrier Repair Advanced Moisturizer เหมาะกับผิวที่มีแนวโน้มเป็นผิวอักเสบ หรือ ผิวแพ้ง่ายหรือไม่?
เหมาะ ผลิตภัณฑ์ RESIST Barrier Repair Advanced Moisturizer อุดมไปส่วนผสมที่ช่วยเสริมความแข็งแรงให้เกราะป้องกันผิว และช่วยปลอบประโลมผิว ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งกับผู้ที่มีผิวมีแนวโน้มเป็นผิวอักเสบ rosacea มีรอยแดง ผิวบอบบาง ผิวแห้งตึง และ อาการคัน หากคุณใช้ยาตามแพทย์สั่งเพื่อรักษา rosacea เราแนะนำให้ปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำในการใช้มอยส์เจอไรเซอร์สำหรับดูแลผิวคุณ
ผลิตภัณฑ์ RESIST Barrier Repair Advanced Moisturizer เหมาะกับผิวเป็นสิวหรือไม่?
ขึ้นอยู่ผิวของแต่ละบุคคล หากคุณมีปัญหาสิวและมีผิวมัน คุณจะไม่ชอบเนื้อสัมผัสที่เข้มข้นของมอยส์เจอไรเซอร์นี้ แต่มอยส์เจอไรเซอร์นี้จะเหมาะอย่างยิ่งกับผู้ที่มีปัญหาสิวและมีผิวแห้งหรือผิวผสม และเกราะป้องกันผิวที่ได้รับผลกระทบจากยาทาภายนอกเพื่อรักษาสิวตามแพทย์สั่ง โดยเฉพาะเมื่อใช้ร่วมกับ ผลิตภัณฑ์ CLEAR สำหรับรักษาสิว หากคุณมีสิว และ สัญญาณแห่งวัย เราแนะนำให้ใช้ผลิตภัณฑ์ RESIST Anti-Aging Clear Skin Hydrator ก่อนที่จะลองผลิตภัณฑ์ RESIST Barrier Repair Advanced Moisturizer
อะไรคือส่วนผสมที่ช่วยเติมความชุ่มชื้นขั้นสูงในผลิตภัณฑ์ RESIST Barrier Repair Advanced Moisturizer?
ส่วนผสมที่ช่วยเติมความชุ่มชื้นขั้นสูง คือการผสานกลุ่มของสารให้ความชุ่มชื้นตามธรรมชาติของผิวหรือที่เรียกว่า Natural Moisturizing Factor (NMF) เมื่อมีอายุมากขึ้นและ ได้รับความเสียหายจากปัจจัยภายนอกมากขึ้น ผิวจะมีความสามารถในการใช้สารเหล่านี้ในการเติมความชุ่มชื้นให้ผิวน้อยลง ทำให้ผิวแห้งและหมองคล้ำ การขาดสารให้ความชุ่มชื้นเหล่านี้ส่งผลต่อกระบวนการผลัดเซลล์ผิว (เป็นเหตุให้กระบวนการช้าลง) และส่งผลต่อสิ่งที่เรียกว่าการปรับดุลยภาพของเกราะป้องกันผิว เช่น ความสามารถในการรักษาสมดุลของน้ำในผิวชั้นนอก ส่วนประกอบหลักในส่วนผสมช่วยเติมความชุ่มชื้นขั้นสูงนี้คือ sodium PCA, sodium hyaluronate, glycerin, urea และ trehalose.
สามารถใช้ผลิตภัณฑ์ RESIST Barrier Repair Advanced Moisturizer รอบดวงตาได้หรือไม่?
เนื้อสัมผัสของผลิตภัณฑ์ RESIST Barrier Repair Advanced Moisturizer ทำให้มอยส์เจอไรเซอร์นี้เป็นอายครีมที่ดีได้ เนื่องจากอ่อนโยน และ ช่วยเสริมป้องกันผิว และผ่านการทดลองทางคลินิกแล้วว่าไม่ระคายเคือง หากคุณต้องการความชุ่มชื้นเพิ่ม ลองใช้ผลิตภัณฑ์ RESIST Anti-Aging Eye Cream (หรือใช้ทาหลังใช้ผลิตภัณฑ์ Barrier Repair Advanced Moisturizer) เนื่องจากมีเนื้อเข้มข้นกว่า ทำให้ติดทนบนผิวตลอดคืน และ ถูกคิดค้นมาเพื่อจัดการสัญญาณแห่งวัยรอบดวงตาโดยเฉพาะ เช่น ผิวแห้ง รอยคล้ำจากแดด และ ผิวหย่อนคล้อย ไม่ว่าคุณจะเลือกผลิตภัณฑ์ใดสำหรับดูแลผิวรอบดวงตา ควรตามด้วยผลิตภัณฑ์ที่มี SPF 30 ขึ้นไปสำหรับช่วงกลางวัน ปกปกผิวรอบดวงตาจากแสงแดดที่ร้ายผิวเป็นเรื่องสำคัญในการมีผิวอ่อนเยาว์ และ ลดรอยคล้ำใต้ตา
คุณสามารถใช้ผลิตภัณฑ์ RESIST Barrier Repair Advanced Moisturizer ร่วมกับ vitamin C ได้หรือไม่?
ได้ คุณสามารถใช้ผลิตภัณฑ์ RESIST Barrier Repair Advanced Moisturizer ร่วมกับ vitamin C ได้ วิจัยชี้ให้เห็นว่า vitamin C ทำงานร่วมกับส่วนผสมที่มีคุณประโยชน์ในการต่อต้านริ้วรอยได้ดี เช่น niacinamide, retinol, peptides (ยกเว้น copper peptides ซึ่ง Paula’s Choice ไม่ได้ใช้ส่วนผสมนี้), และ exfoliating acids การใช้มอยส์เจอไรเซอร์ร่วมกับผลิตภัณฑ์ vitamin C อื่น ๆ ช่วยให้ผลลัพธ์ผิวดีขึ้นด้วยการเสริมเกราะป้องกันผิวให้แข็งแรง และ ปกป้องเกราะป้องกันผิว
ควรใช้ผลิตภัณฑ์ RESIST Barrier Repair Advanced Moisturizer ในขั้นตอนใดของการบำรุงผิว และควรใช้บ่อยขนาดไหน?
ผลิตภัณฑ์ RESIST Barrier Repair Advanced Moisturizer สามารถใช้ได้ 1-2 ครั้ง/วัน สำหรับกลางวัน และ กลางคืน เมื่อใช้สำหรับกลางคืน ใช้ผลิตภัณฑ์ RESIST Barrier Repair Advanced Moisturizer เป็นลำดับสุดท้ายในการดูแลผิว หลังจากทำความสะอาดผิว ลงโทนเนอร์ ผลัดเซลล์ผิว และ ลงทรีตเมนต์อื่น ๆ สำหรับกลางวัน ควรตามด้วยสกินแคร์ที่มี SPF 30+ เสมอ
สามารถใช้ผลิตภัณฑ์ RESIST Barrier Repair Advanced Moisturizer ในระหว่างตั้งครรภ์หรือให้นมบุตรได้หรือไม่?
โดยทั่วไปแล้ว ส่วนประกอบของ RESIST Barrier Repair Advanced Moisturizer ถือว่าปลอดภัยสำหรับใช้ในระหว่างตั้งครรภ์ หรือ ให้นมบุตร ทั้งนี้ หากคุณไม่แน่ใจว่าจะเริ่มใช้ผลิตภัณฑ์ต่อต้านริ้วรอยดีไหม หรือ กังวลเกี่ยวกับส่วนผสม เราแนะนำให้ปรึกษาแพทย์ และ ทำตามคำแนะนำของแพทย์